วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

botox โบท็อกซ์ ประโยชน์ 9 ประการของโบท็อกซ์

botox

ปัจจุบันนี้ คงไม่มีใครปฏิเสธ ความสวย ความงาม กันใช่ไหม ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย ต่างก็ต้องการ ดูดีกัน ตั้งแต่หัวจรดเท้า หน้าตา ก็เป็นสิ่งสำคัญมากในสังคมยุคนี้ คงไม่มีใครยอมใคร ต่างก็ต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี

รวมไปถึง การเข้าไป ใช้บริการ กับสถานที่ เพื่อความงาม  เช่น คลินิกเสริมความงาม ไม่ว่าจะเดิน ไปทางไหน ก็เจอกันเยอะ เลยทีเดียว  แต่เอ้...? เข้าไปทำอะไรกันในคลินิก

ขอยกตัวอย่าง การทำโบท็อกซ์ ที่หลายๆคน รู้จัก มักคุ้นกันดี เรามีความรู้ เกี่ยวกับ โบท็อกซ์มาแนะนำ ให้สำหรับผู้ที่ สนใจกัน ว่า ประโยชน์ของโบท็อกซ์ มีดียังไง

โบท็อกซ์Botox  คือ เป็นสารชีวภาพ ที่สร้างแบคทีเรีย ที่มีประโยชน์ ชนิดหนึ่ง ที่มีผลต่อ ระบบประสาท ทำให้เกิด อาการอัมพาต แต่โบท็อกซ์ ไม่ได้มีแต่ข้อเสีย เท่านั้น แต่ยังมีข้อดี อีก ที่เราได้รับจากโบท็อกซ์ 


วันนี้จะพูดถึงเรื่อง ประโยชน์โบท็อกซ์  ที่ใครหลายๆคน อาจยังไม่รู้

1. ทำให้หน้าอ่อนเยาว์


เพราะ สารโบท็อกซ์ ยับยั้ง การหลั่งสาร Acetylcholine จากปลายประสาท บริเวณที่ เราฉีดเข้าไป ทำให้กล้ามเนื้อ บีดเกร็งตัว ส่งผลให้กล้ามเนื้อ คลายตัว ไม่บีบรัด ตัวมาก ทำให้สามารถ ช่วยลดเลือนริ้วรอย ตีนกา และร่องลึกบนใบหน้า ของคุณให้หายไป ในเวลาอันรวดเร็ว 

โดยการฉีด เจ้าตัวโบท็อกซ์ นี้เข้าไปภายใน เวลาแค่ไม่กี่นาที เท่านี้คุณก็จะกลับมา หน้าอ่อนเยาว์อีกครั้ง โดยไม่ต้องผ่าตัด ให้เจ็บตัวเลย

2. ทำให้ใบหน้าได้สัดส่วน


การฉีดโบท็อกซ์ ทำให้ ใบหน้าของคุณ เข้ารูป ได้สัดส่วน เรียวเล็ก ตามที่คุณปรารถนา เพราะสารตัวนี้ มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อ เป็นอัมพาต แต่ไม่ต้องห่วงนะ เพราะสารตัวนี้ไม่ได้ตกค้าง แต่จะสลาย ไปเองตามธรรมชาติ


3. ทำให้ แขน ขา สะโพก และน่องเรียวเล็ก ลง


แต่อย่างไร ก็ตามหากใช้สารชนิด โบท็อกซ์  นี้ ในส่วนของ แขน ขา สะโพก และน่อง ซึ่งต้องใช้ ในปริมาณมาก จึงถือว่ามีความเสี่ยง และ อันตรายสูง ดังนั้น ต้องอยู่ในการควบคุม ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น

4. ช่วยรักษาโรคไมเกรน


สาเหตุ ของไมเกรน สามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจาก อาจจะเป็นเพราะ ความเครียด ความผิดปกติ ทางพันธุกรรม หรือ การอักเสบ ของเส้นประสาท มักมีอาการปวดย้ายข้าง หรือทั่วศรีษะ ปัจจุบัน ได้มีการนำสารโบท็อกซ์ เข้ามาช่วยในการรักษา 

เพราะเชื่อว่าสารนี้ สามารถยับยั้ง ปลายประสาท ที่ส่งสัญญาณ ความเจ็บปวด ไปยังสมองได้ ทำให้ช่วย ลดอาการปวดศรีษะลง


5. ช่วยรักษาโรคตาเหล่


เป็นภาวะ ที่ผู้ป่วย มักจะมี อาการที่ตา ทั้ง 2 ข้าง ไม่อยู่ในแนวตรง ตามธรรมชาติ ซึ่งอาจเกิดจาก การมีภาวะผิดปกติ ที่ทำให้ การเคลื่อนไหวของลูกตาทั้ง 2 ข้าง ขาดการประสานงานกัน ซึ่งปัจจุบัน ทางการแพทย์ได้ใช้สาร

โบท็อกซ์  ฉีดที่กล้ามเนื้อ ของตา เพื่อช่วย ในกา รรักษา อาการตาเหล่ และ ตากระตุก ได้ชั่วคราว

6. ลดเหงื่อบริเวณรักแร้


ปัจจุบัน ทางการแพทย์  ได้นำสารชนิดโบท็อกซ์ นี้มาช่วย ในการรักษา ผู้ที่มี เหงื่ออกบริเวณรักแร้ เพราะ สามารถยับยั้ง การหลั่งของเหงื่อ บริเวณต่อมเหงื่อได้ ผลระยะเวลา ที่ได้ ขึ้นอยู่กับปริมาณ ที่ฉีดเข้าไป

7. ช่วยลดอาการปวดเกร็งบริเวณต้นคอ


อาการ ปวดเกร็ง บริเวณต้นคอ อาจเกิดจากการ เคลื่อนไหว ที่ผิดปกติ ของกล้ามเนื้อคอ และ ไหล่  ปัจจุบัน ได้มีการนำสารโบท็อกซ์ มาช่วยในการรักษา โดยการฉีดเข้าไป ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงลง แต่ยังทำงาน ได้ตามปกติ

8. ทำให้มีความมั่นใจในตัวเอง


เมื่อการ ใช้สารโบท็อกซ์ นี้ ฉีดเข้าไปใส่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย แล้ว แน่นอนว่า จะต้องดูดีขึ้น ทำให้สวย  มั่นใจในทุกส่วน มากยิ่งขึ้น โดยที่ ไม่ว่า จะทำอะไร ก็ไม่ต้องกังวล และระแวง ในสายตา ของคนรอบข้าง อีกต่อไป

9. ช่วยรักษาโรคอัมพาตครึ่งซีกของใบหน้า


สำหรับ การรักษา โรคอัมพาตครึ่งซีก ของใบหน้า หากทำอย่าง ถูกวิธี และ ใช้สารโบท็อกซ์ ในบริมาณ ที่เหมาะสม อาจจะ เกิดผลข้างเคียงได้ น้อยมาก เพราะมี ศัลยแพทย์ หู คอ จมูก ของศูนย์แพทย์ มหาวิทยาลัยโลโยลาแห่งสหรัฐฯ กล่าวไว้ว่า 

สารโบท็อกซ์ นี้ยังมีส่วนช่วย รักษาโรค ของเส้นประสาทหน้า เพื่อให้หายจาก โรคอัมพาตครึ่งซีกของใบหน้า ได้ชั่วคราว


แต่อย่างไร ก็ตามการใช้สารชนิดโบท็อกซ์ (Botox) นี้  ต้องใช้ในปริมาณ ที่เหมาะสม และ อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น  ไม่อย่างนั้น อาจจะได้รับโทษมากกว่า ได้รับประโยชน์

หน้าเด็ก เคล็ดลับหน้าเด็ก Baby face 3 เคล็ดลับ ที่ไม่ยุ่งยาก

หน้าเด็ก

สำหรับสาวๆ คนไหนที่อยาก รู้ เคล็ดลับหน้าเด็กและ มี หน้าเด็ก สดใส อ่อนเยาว์ กว่าวัย ห่างไกลริ้วรอย  ที่ปฏิบัติ ในชีวิตประจำวัน กันอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่อง ที่ใกล้ตัวมากๆ ที่ใครหลายคน อาจมองข้ามไป ละเลยไม่สนใจ 

เรามีเคล็ดลับดีๆมากบอกต่อ โดยที่ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องเข้า คลินิคเสริมความงาม ไม่ต้องใช้ครีม ราคาแพง ไม่ต้องพึ่ง ศัลยกรรม งั้นมาดูกันเลยค่ะ

    1.นอนหงาย


ลักษณะ ท่านอนที่ห่างจาก หน้าเหี่ยว ริ้วรอย ที่ไม่ได้รับเชิญ คือ การนอนด้วย ท่านอนหงาย จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะการนอน ตะแคง ทำให้หน้า กดทับกันกับหมอน ทำให้หน้าเป็นรอย ย่นได้ หากมีรอยซ้ำๆ ที่เดิม อาจจะส่งผลระยะยาว ของการ เกิดเป็นริ้วรอยได้เช่นกัน

 

2.สัมผัสผิวหน้าอย่างอ่อนโยน


หากใคร ที่กำลังล้างหน้า อย่างเมามัน คิดว่าถูแรงๆ แล้วจะทำให้หน้าสะอาด ให้คิดใหม่ เพราะการล้างหน้า การเช็ดหน้า หรือ ทำความสะอาดหน้า 

ด้วยวิธีต่างๆควรล้างและสัมผัสผิวหน้าอย่างเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน ไม่ควรถูแรงเกินไป เพราะผิวหน้าเป็นผิวที่บอบบาง เราควรดูแลรักษาอย่างดี เพื่อผิวหน้าที่อ่อนเยาว์ ของเรา

 


3.อยู่ให้ห่างจากแสงแดด

 


พูดถึงแสงแดด ใครหลายคน คงกลัวกันแล้ว สินะ เพราะแสงแดด สามารถทำให้ เซลล์ผิว เราถูกทำลายลง ทำให้ผิวหมองคล้ำ ดำ ทำให้แก่ก่อนวัย และ อาจทำให้เกิด โรคมะเร็งผิวหนังได้ ที่สำคัญ อันตรายต่อ ดวงตา ของเรา อย่ามากอีกด้วย

ถ้าหากโดน แสงแดดเป็นประจำ แล้วไม่หา วิธีป้องกันแสงแดดให้ดี ฉะนั้นสาวๆควรทา ครีมกันแดด หรือ หาวิธีป้องกันที่ดี ก่อนออกมาเผชิญ อันตรายของแสงแดด เพื่อรักษาให้ หน้าเด็ก ต่อไป


"ใครสนใจ นำเคล็ดลับดีๆ แบบนี้ ลองนำไปปฏิบัติ กันดูนะคะ รับรองว่าได้ผล หน้าเด็ก อ่อนเยาว์กว่าวัย แน่นอน"

ฟิลเลอร์ อันตรายจากฟิลเลอร์ 5 สิ่งมองข้าม ที่คุณอาจไม่เคยรู้


ฟิลเลอร์


ในปัจจุบัน มักเป็นที่รู้จัก ของกลุ่มสาวๆ หรือ กลุ่มของ ผู้ที่ต้องการ ความงาม แล้วรู้หรือไม่ว่า อันตรายจากฟิลเลอร์ Filler คืออะไร ทำไมต้องฉีด? คุณทราบกันดี แล้วหรือไม่ ว่าเมื่อฉีดสารนี้เข้าไป ในร่างกาย แล้วจะได้รับโทษ หรือประโยชน์ มากหรือน้อย อย่างไรบ้าง

ส่วนใหญ่ ใครหลายคนก็จะนึกถึงแต่ผลดีที่ได้รับ หรือ เสี่ยงเพื่อความงามจนลืมนึกไปว่า อาจจะได้รับผลข้างเคียง หรือผลเสีย จากสิ่งนี้อยู่ก็อาจเป็นไปได้ หากคุณ สนใจศึกษาเรียนรู้บ้าง คุณก็จะได้หาวิธีป้องกัน และ เตรียมรับมือได้อย่างอยู่ต้อง และทันเวลา ได้


อันตรายจากฟิลเลอร์


เป็นสาร ชนิดหนึ่ง ที่มีประโยชน์ ในการเติมเต็ม ให้สำหรับผู้ที่มีปัญหา เกี่ยวกับผิว โดยเฉพาะ กับผู้ที่มีอายุมาก เพราะผิวของคนเรา ยิ่งมีอายุมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ คอลลาเจนของผิว ลดหายลงไปด้วย  เช่น ทำให้ผิวที่มีร่องลึก ริ้วรอย หน้าตอบ

ฉะนั้น ฟิลเลอร์ Filler จึงจำเป็น เพราะมีส่วนช่วยให้ใครหลายคน หมดข้อกังวลเรื่องพวกนี้ ไปได้

ปัจจุบัน ฟิลเลอร์ Filler มีประโยชน์มาก เพื่อแก้ปัญหาของ ผิวหน้า ลำคอ รวมไปถึงหน้าอก เมื่อฉีดเข้าไป ในร่ายกาย แล้วจะมีอายุการใช้งาน ตั้งแต่ 4 เดือน ไปจนถึง ถาวรได้ 

และ ยิ่งมีอายุการใช้งาน ได้นานเท่าไหร่ นั่นก็หมายความว่า ยิ่งจะทำให้ได้รับอันตราย มากยิ่งขึ้น เท่านั้น


อาจจะพบ ผลข้างเคียง จากการฉีด ฟิลเลอร์ Filler ในบางราย


  1. หากเกิด อาการแพ้ จะทำให้เกิด อาการอักเสบ เป็นรอยนูนแดง เกิดขึ้นได้
  2. อาจมีการ เกิดผื่น รอยแดง รอยช้ำ บริเวณที่ฉีดสาร ฟิลเลอร์ Filler เข้าไป
  3. อาจทำให้ เกิดตาบอดได้ มักพบในผู้ที่ฉีดสารนี้ในบริเวณ ระหว่างคิ้ว และร่องแก้ม
  4. อาจทำให้เกิด การอุดตัน ของหลอดเลือด ทำให้เกิดเนื้อตาย ถ้าหากมีการฉีดฟิลเลอร์ ที่ผิดตำแหน่ง
  5. อาจทำให้เกิด การเคลื่อน ย้ายตำแหน่ง ของ ฟิลเลอร์ Filler ได้

รู้อย่างนี้แล้ว หากใคร ที่มีความสนใจ ต้องการฉีดสาร ฟิลเลอร์ Filler นี้เข้าไป ในร่างกายแล้ว ก็ควรจะ ศึกษาข้อมูล มาเป็นอย่างดี เช่น ข้อมูลของสาร ฟิลเลอร์ Filler ข้อมูลเกี่ยวกับ สถานที่ ที่คุณจะไป ใช้บริการ คุณควรปรึกษา และใช้บริการ กับแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น 

แต่ในทางที่ดี เราควรหันมา รักษาความงามนี้ ด้วยวิธีอื่น ก็มีหลายอย่าง อยู่เหมือนกัน เช่น การออกกำลังกาย หรือ รับประทานอาหาร ที่มีส่วนบำรุง รักษา ผิว และ อาจใช้ผลิตภัณฑ์ ที่ได้มาจากธรรมชาติ ช่วยบำรุง ด้วยอีกทาง เช่น สมุนไพร ให้ตัวต่างๆค่ะ

ประโยชน์ของชาเขียว สูตรบำรุงผิวหน้า ด้วยชาเขียว

ประโยชน์ของชาเขียว



ชาเขียว กำลังเป็นที่นิยม เป็นเครื่องดื่ม ที่หอม อร่อย หากกินเข้าไปแล้ว จะรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สามารถดื่มเป็นชาร้อน หรือ เย็นก็ได้ แต่ถ้าหาก ดื่มแบบร้อน จะได้รับประโยชน์มากกว่าชาเขียว หากดื่มเข้าไป จะให้ประโยชน์ มากมาย เช่น ช่วยแก้โรคหวัด, ลดน้ำหนัก, ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง 

และ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เป็นต้น ปัจจุบัน ชาเขียว ได้ถูกนำมาแปรรูป เป็น ขนม และ ในรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเฉพาะ ในผลิตภัณฑ์ ทางด้านความงาม ก็มีอยู่อย่างแพร่หลาย หากใครต้องการ ความงาม จากชาเขียว โดยไม่ต้องลงทุนมาก 

หรือ ซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ที่มีส่วนผสม ของชาเขียว มาใช้ ก็สามารถทำได้ มาดูกันว่า ชาเขียว จะมีส่วนช่วยใน เรื่องความงาม ของคุณ ได้ยังไง

สูตรชาเขียว ด้วยวิธีทำอย่าวง่าย เพื่อทำให้ผิวหน้า ของคุณ มีความชุ่มชื้น ไม่แห้ง ทำให้ผิวหน้า เปล่งปลั่ง สดใส ช่วยลดความหมองคล้ำ และ ริ้วรอยได้ ด้วยวิธีการ ที่ประหยัด ไม่ต้องลงทุนมาก แถมยังคุ้มค่า อีกด้วย

สิ่งที่ต้องเตรียม


- ใบชาเขียวอบแห้ง ประมาณ 1 กำมือ

- ผ้ากรองสีขาว แบบบาง จำนวน 1 ผืน

- น้ำสะอาด ประมาณ ครึ่งลิตร ( หากใส่ปริมาณ น้ำมากเกินไป จะทำให้ ความเข้มข้น ลดลง )

- ขวดสำหรับบรรจุ 1 ขวด

- สำลีแผ่น ตามจำนวนที่ต้องการ

( ปริมาณของ ใบชาเขียวอบแห้ง และ น้ำสะอาด เป็นการประมาณการเท่านั้น หากใคร ที่ต้องการให้ความเข้มข้น เพิ่มขึ้น หรือ ลดลง สามารถเพิ่ม หรือลด ปริมาณ ของน้ำ และ ใบชาเขียวอบแห้ว ได้ตามความต้องการ )


ขั้นตอนในการทำ


1. ใส่น้ำลงไปในหม้อ ตั้งไฟ พอเดือด ให้นำใบชาเขียวอบแห้ง ใส่ลงไปทิ้งไว้ ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น

2. เมื่อเย็นแล้ว ให้เทน้ำใบชาเขียว ที่เราพักทิ้งไว้ จนเย็นดีแล้ว ลงไปใน ผ้าขาวบาง ที่ได้เตียมไว้ สำหรับกรอง เพื่อเอาเศษใบชาออก

3. จากนั้น ก็สามารถ นำมาบรรจุใส่ขวด ไว้ใช้ได้ ประมาณ 3-5 วัน ควรเก็บรักษา ด้วยการแช่เย็นไว้


ขั้นตอนการใช้บำรุงผิวหน้า


1. ล้างหน้าให้สะอาด แล้วเช็ดให้แห้ง

2. เทน้ำชาเขียว ที่เราสกัดไว้ ใส่ลงไปในสำลีแผ่น ที่เราเตรียมไว้

3. จากนั้น นำมา แปะวางทิ้งไว้ บนผิวหน้า ประมาณ 15-20 นาที

4. เมื่อครบตามเวลาแล้ว ให้นำแผ่นสำลีออก แล้วล้างหน้า ด้วยน้ำสะอาด อีกครั้ง แล้วเช็ดให้แห้ง

   เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้ ผิวหน้าของคุณ ดูดี ขึ้นมาได้ โดยไม่ต้อง จ่ายแพงเลย

"เห็นแล้วใช่ไหม ว่าชาเขียว ไม่ได้มีไว้สำหรับดื่ม เพื่อประโยชน์ ต่อสุขภาพ เท่านั้น แต่ยังสามารถ นำมาใช้ ให้เป็นประโยชน์ สำหรับบำรุงผิวเราให้สวย ดูดี ได้อีกด้วย"

บำรุงเส้นผม เพื่อเส้นผมที่แข็งแรง สุขภาพดี

บำรุงเส้นผม



เส้นผม เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ของทุกคน มีผลต่อบุคลิกภาพ ของเราโดยตรง เพราะแค่ เปลี่ยนทรงผม ก็สามารถทำให้ บุคลิกภาพ ของเราเปลี่ยนไป ได้แล้ว ลองคิดดู ถ้าหากเราไม่มีเส้นผม
จะดูแย่แค่ไหน ปัญหาจากเส้นผม ที่อ่อนแอ ไม่แข็งแรง ก็มี อย่างมากมาย เช่น ผมร่วง ผมมัน ผมแตก แห้ง ชี้ฟู หรือ ผมขาด หลุดร่วง 
แต่ละคน ก็จะเจอปัญหา ของเส้นผม ของแต่ละคน ที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น อาจเป็นเพราะ เชื้อราบนหนังศรีษะ การดูแลรักษาที่ผิดวิธี สุขภาพที่อ่อนแอ ฯลฯ เป็นต้น สำหรับผู้ที่ รักเส้นผม 
ควร ต้องหาวิธี บำรุง รักษา และ ดูแลเอาใจใส่ เส้นผม ของตัวเองบ้าง จะช่วยให้เส้นผม ของคุณ มีสุขภาพดี และ อยู่กับคุณ  ได้นานขึ้น มาดูกันเลย ว่าวิธีการบำรุง และ ดูแลเส้นผม อย่างถูกวิธี มีอะไรกันบ้าง

การสระผม


การสระผม เป็นสิ่งที่ทุกคน ต้องทำกันเป็นประจำ อยู่แล้ว แล้วจะรู้ได้ยังไง ว่าวิธีที่คุณ ทำอยู่เป็นประจำนั้น ถูกต้องมากน้อยเพียงใด การสระผมที่ดี ควรใช้น้ำที่มีอุณหภูมิปกติ ในการสระผม มากกว่าใช้น้ำอุ่น เพื่อจะทำให้ เส้นผมแข็งแรง หนังศรีษะชุ่มชื้น

และ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ บำรุงศรีษะ ที่เหมาะกับ หนังศรีษะ ของตนเอง ที่ทำให้ผมคุณ มีสุขภาพที่ดี และ ควรสระผม อาทิตย์ละ ประมาณ 3-4 ครั้ง เพื่อจะได้ ไม่ทำให้ หนังศรีษะแห้ง ผมจะได้เงา มันมีน้ำหนัก มากยิ่งขึ้น

การออกกำลังกาย


นอกจาก การทำความสะอาด และ บำรุงเส้นผม แล้ว คุณควรดูแลเส้นผม ด้วยการ ออกกำลังกาย บ้าง การออกกำลังกาย ถือว่ามีส่วนช่วย ในการทำให้ ทุกส่วนของร่างกาย แข็งแรง และ สุขภาพดี ถึงจะดี แม้กระทั่ง เส้นผมของคุณ ยังได้รับประโยชน์

จากการออกกำลังกาย  เพราะ การออกกำลังกาย จะทำให้ เลือดไหลเวียนได้ดี จึงมีส่วนช่วยให้ เส้นผมคุณ มีความแข็งแรง สุขภาพดี มากยิ่งขึ้น ไม่ขาด หลุดร่วง ได้ง่าย

หลีกเลี่ยงความร้อน


คุณควรหยุดใช้ความร้อน หรือ เผชิญกับความร้อน โดยตรงกับ เส้นผมบ้าง เช่น การไดร์ผม หนีบผม หรือ ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อจัดแต่งทรงผม คุณควรหลีกเลี่ยง หรือ หยุดใช้ให้น้อยลง

เพราะนั่นเป็นตัวการ สำคัญ ที่ทำให้เส้นผม ของคุณเสียอย่างมาก และ ไม่ใช่ความร้อน เฉพาะแค่อุปกรณ์ไฟฟ้า เท่านั้น

ที่ทำให้ผมคุณเสีย คุณควรหลีกเลี่ยง แสงแดด ด้วย เพราะรังสียูวี สามารถทำให้ ผมของคุณอ่อนแอลง อีกด้วย เพื่อความ สวย เงางาม ของเส้นผม ของคุณ คุณควรหยุดการใช้ ความร้อน จึงจะดีที่สุดต่อเส้นผม

กินอาหารบำรุงเส้นผม


การรับประทานอาหาร ที่ทุกคนไม่ค่อยสนใจ การกินอาหารบางชนิด มีส่วนช่วยบำรุง เส้นผมอย่างดี ทำให้เส้นผมของคุณ มีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่หลุดร่วง ได้ง่าย

คุณควรหันมารับประทาน อาหาร จำพวก โปรตีน บ้าง เช่น ถั่วเหลือง นม ไข่ ฯลฯ เพื่อสุขภาพที่ดี ของเส้นผม

หลีกเลี่ยงการมัดผม


ควรหลีกเลี่ยงการมัดผม หรือรัดผม ที่แน่นมากเกินไป เพราะการมัดผม ที่แน่นเกินไป จะทำให้หนังศรีษะตึง ทำให้เส้นผมของคุณ ขาด และ หลุดร่วงได้ง่าย คุณควรปล่อยผม

มากกว่าที่จะมัดผม จึงจะดีกว่า แต่ถ้าหากจำเป็น หรือ หลีกเลี่ยงการรัดผม ไม่ได้ ก็ควรจะ มัดแบบไม่ให้แน่นเกินไป หรือ ใช้อุปกรณ์รัดผม ที่ไม่ทำให้การมัดผมแน่น ตึงมากเกินไป


" เพราะเส้นผม เป็นเหมือน บุคลิกภาพ คุณควรดูแล บำรุงรักษา ให้ดี อย่าปล่อยละเลย จนถึงขั้น ที่ต้องดูแลยากแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ดูแลเส้นผม ก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่คุณควรจะเลือกใช้ ให้เหมาะกับเส้นผมของคุณเอง "

แต่ถ้าหากคุณ ไม่มีเวลาดูแล บำรุง รักษา เส้นผมของคุณ เพราะอาจ จะจำกัด ในเรื่องของเวลา หรือ ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม เดี่ยวนี้ ก็มีสถานที่ ที่เป็นตัวช่วย ในเรื่องของเส้นผม ให้กับคุณ อย่างมากมาย ไม่ว่า

จะเป็นร้านเสริมสวย มีสามารถตอบโจทย์ ของคุณได้ ซึ่งมีมากในปัจจุบัน คุณก็สามารถ เลือกใช้บริการ ร้านเสริมสวย เกี่ยวกับ การดูแลเส้นผม ของคุณ ได้ตามที่คุณ สะดวก และพึงพอใจ ได้เลย

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

วิธีรักษาสิว แบบธรรมชาติ เพื่อผิวหน้าที่ปราศจากสิว

วิธีรักษาสิว





สิว เป็นปัญหาใหญ่ สำหรับใครหลายคน เพราะมักจะเกิดขึ้น กับทุกคน แล้วแต่ว่าจะเกิดขึ้น กับใครมาก หรือน้อย เพียงใด ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และ ฮอร์โมน ของแต่ละคน ที่อาจควบคุมได้ หรือ ไม่สามารถควบคุม ได้ บางครั้ง ใครหลายคน มักเกิดความสงสัยว่า ทำไมเราดูแล ผิวหน้าของเรา อย่างดี ให้สะอาดอยู่เสมอ 

แต่ทำไม ยังพบปัญหาสิวนี้อีก นั่นคง มาจากหลายสาเหตุด้วยกัน และ อาจเป็น เพราะ ฮอร์โมน เพราะสิวมาจากสาเหตุหลักๆ ก็คือ

ฮอร์โมน นั่นเอง ซึ่งการที่เรา จะควบคุมฮอร์โมน มักเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก นอกจากจะต้อง ปรึกษาและรักษา กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น และสิว ที่มาจาก ฮอร์โมน มักเริ่มเกิดขึ้น กับผู้ที่ กำลังเริ่มเข้า วัยหนุ่ม สาว เป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นบ่งบอกถึง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งถ้าหากเป็นสิว ในลักษณะนี้ มักจะหายไปเอง แต่ต้องใช้เวลา หน่อย
 
แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อสิวที่เรา ไม่อาจควบคุมได้นั้น ก็เกิดขึ้นมาแล้ว เราควร หา วิธีรักษา และกำจัด สิวจะดีกว่า การรักษาสิว ก็มีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการ ใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์ ต่างๆมากมาย รวมถึง การรักษา กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่จะดีกว่ามาก ถ้าหากเราสามารถ รักษาปัญหาสิวนี้  ได้ด้วยตัวเอง แบบประหยัด โดยไม่ต้องลงทุนเยอะ อีกทั้ง ยังไม่เป็นอันตราย และ เป็นแบบธรรมชาติ อีกด้วย


วิธีรักษาสิว แบบธรรมชาติ


1. ดื่มน้ำมะนาวคั้นสด


การดื่มน้ำมะนาว สามารถช่วยกำจัด สารพิษที่ตกค้าง ในร่างกายได้ และ มีวิตามินซี ที่สามารถช่วยเสริมสร้าง สุขภาพผิว ให้มีสุขภาพดี และ แข็งแรง ขึ้น มีส่วนช่วยให้ ผิวหน้าที่เป็นรอย 
และ เกิดการอักเสบ จากสิว ดีขึ้น แต่ถ้าใครที่ ไม่สามารถ ดื่มน้ำมะนาวได้ ก็ควร ดื่มน้ำเปล่า ไม่น้อยกว่า 2 ลิตร / วัน  แทนน้ำมะนาวได้ เพราะ การดื่มน้ำเปล่า ถือเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว 

2. พักผ่อนให้เพียงพอ


การพักผ่อน ที่ดีที่สุด คือ การนอนหลับ ขณะเรานอนหลับอยู่ ร่างกายจะหลั่งสาร ที่มีส่วน ช่วยซ่อมแซม ส่วนที่สึกหรอ ของร่างกาย ออกมา จึงสามารถ ช่วยรักษา ผิวหนังที่อักเสบ หรือ เป็นแผล ให้หายเร็วมากขึ้น รวมถึง แผลที่เกิดจากสิว ก็จะหายเร็ว มากยิ่งขึ้น

3. ไม่แคะ หรือแกะ สิว


การใช้มือจับ แคะ หรือแกะ สิว บนใบหน้า ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดี เท่าไหร่ และ ไม่ควรทำ เป็นอย่างยิ่ง เพราะมือเราอาจจะมี เชื้อโรค แบคทีเรีย ฝุ่น เกาะอยู่ ถ้าหากใช้มือจับ บนใบหน้าระหว่างวัน บ่อยๆ อาจจะเป็นการ เพิ่มจำนวนของสิว ที่มีอยู่ มากขึ้นกว่าเดิม และ อาจจะทำให้หน้าเกิดเป็นรอยแผล และ เกิดการอักเสบของสิว มากกว่าเดิม


4. การพอกหน้าแบบธรรมชาติ


สูตรที่ 1

1. โดยการนำ น้ำผึ้งแท้ ( ไม่ควรใช้ น้ำผึ้งที่มีส่วนผสม ของน้ำตาล ) มาผสม รวมเข้ากับ น้ำมะนาวสด ( โดยได้จาก ผลของมะนาว คั้นสดเท่านั้น )
2. จากนั้นนำมา ทาให้ทั่วใบหน้า ยกเว้น บริเวณผิวรอบดวงตา และ ผิวบริเวณรอบปาก
3. จากนั้นทิ้งไว้ ประมาณ 15-20 นาที
4. แล้วค่อยล้างออก ด้วยน้ำสะอาด
( วิธีนี้ จะมีส่วนช่วย ทำให้ การอักเสบ ของสิวลดลง และ สิวยุบลงได้บ้าง )

สูตรที่ 2 

1. โดยการนำ มะเขือเทศสด 1 ลูก มาฝานเป็นแผ่นบางๆ
2. หลังจากนั้น ล้างหน้าให้สะอาด
3. แล้วนำ แผ่นมะเขือเทศ มะแปะวางไว้บนใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที
4. แล้วจึงนำ แผ่นมะเขือเทศออก แล้วล้างหน้า ด้วยน้ำสะอาด
( ง่ายๆแค่นี้ ก็มีส่วนช่วย ได้เยอะเลยค่ะ วิธีนี้ ทำให้สิวยุบลง และ สามาถช่วย สมานแผล จากรอยสิวให้หายได้  ไม่ทำให้เกิดการ อับเสบของสิว และ ที่สำคัญ ยังทำให้ผิวหน้าของคุณ ขาวเนียน กระจ่างใส อีกด้วย )

สูตรที่ 3

1. โดยการนำ กระเทียมสด 5-6 กลีบ ล้างให้สะอาด
2. จากนั้น นำกระเทียม มาโขลก แล้วคั้นเอาให้ได้เฉพาะ น้ำกระเทียม ออกมา
3. พอได้น้ำกระเทียมแล้ว ให้ล้างหน้าให้สะอาด
4. แล้วก็สามารถ นำน้ำกระเทียมที่ได้ มาแต้มลงบนสิว ทิ้งไว้ ประมาณ 10 นาที
5. จากนั้น ค่อยล้างออก ด้วยน้ำสะอาด

( เพียงเท่านี้ รอยแดงของสิว ก็จะหายไป และ ทำให้สิว ยุบลงได้ง่าย อีกด้วย )


" การรักษาสิว ด้วยตัวเอง แบบธรรมชาตินี้ คุณจะใจร้อนไม่ได้ เพราะต้องค่อยเป็นค่อยไป อาจจะต้องใช้ เวลานาน เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น 
การรักษาสิว ด้วยวิธีธรรมชาติ อาจจะไม่ได้ผลที่ดี กับทุกคน เพราะผิว และฮอร์โมน ของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน ถ้าหากคุณลอง รักษาสิว ด้วยวิธีธรรมชาตินี้แล้ว ยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงจะดีที่สุด "

วิธีกระชับรูขุมขน 5 วิธี เพื่อทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน


วิธีกระชับรูขุมขน

รูขุมขนกว้าง เป็นสิ่งที่ใครหลายคน มักจะไม่ปลื้มกันเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับสาวๆ ส่วนใหญ่ การที่รูขุมขนกว้างนั้น ก็อาจเกิดขึ้นจาก หลายสาเหตุด้วยกัน เช่น อาจเกิดจากเครื่องสำอางค์ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า หรือ แม้แต่การรับประทานอาหารแต่ก็ยังมี อีกสาเหตุหนึ่ง ที่ทุกคนคงหนีกันไม่พ้น

นั่นคืออาจเป็นผลมาจาก พันธุกรรม ของแต่ละคน นั่นเอง ซึ่งทำให้เป็นสิ่ง ที่แก้ได้ยาก แต่ปัจจุบัน ก็ได้มีการพัฒนาการ ทางการการแพทย์ ก้าวหน้าไปมาก คงไม่เป็นปัญหา สำหรับใครหลายคน

ที่มีรูขุมขนกว้าง ที่อาจเกิดจาก พันธุกรรม ได้สำหรับใคร ที่อาจมีสาเหตุ ของรูขุมขนกว้าง ที่ไม่ได้มาจากพันธุกรรม แต่เกิดจาก สาเหตุอื่นๆ ก็ยังพอมีวิธี ที่สามารถจะช่วยให้ รูขุมขน ของคุณ แลดูเล็กกระชับลงได้บ้าง มาดูกันดีกว่าว่า มีวิธีไหนบ้าง ที่สามารถทำให้ รูขุมขนดูเล็ก กระชับลง

 

1. การใช้โทนเนอร์


การเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ชนิดโทนเนอร์ นั้น ก็เป็นตัวช่วยหนึ่ง ของการกระชับรูขุมขน ได้ส่วนหนึ่ง เพราะ การใช้โทนเนอร์ เช็ดทำความสะอาดผิวหน้า จะทำให้สามารถขจัด ความมันบนใบหน้า และ ขจัดสิ่งสกปรกทุกอย่าง ที่อุดตัน บนผิวหน้า ได้หมดจด ทำให้ผิวหน้าสะอาด จึงมีส่วนช่วยให้ รูขุมขน กระชับ และ เล็กลง ได้

2. การล้างหน้า


การล้างหน้าที่ดี ทำให้รูขุมขนเล็ก กระชับลงนั้น ควรเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์ ทำความสะอาดผิวหน้า เช่น สบู่ หรือ โฟมล้างหน้า ที่เหมาะกับ สภาพผิวหน้าของคุณ และ ไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น แต่ควรจะล้างหน้า ด้วยน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ และ ควรล้างให้สะอาด อย่างน้อยควรล้าง 2 รอบ ต่อการล้างหน้าใน 1 ครั้ง จะทำให้ผิวหน้า สะอาดมากยิ่งขึ้น เพราะ การล้างหน้าที่ไม่สะอาด ก็จะสามารถทำให้ เกิดสิว ได้ และสิว ก็เป็นอีกตัวการ ที่ทำให้ รูขุมข้นกว้าง

3. การบำรุงผิวหน้า


การเลือกใช้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้านั้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ รูขุมขนกระชับโดยตรง ซึ่งในปัจจุบัน ก็มีให้เลือกหลาย ยี่ห้อ และ ควรหาเวลา ในการบำรุงผิวหน้า ด้วยวิธีการนวดหน้า ขัดหน้า สครับผิวหน้า บ้าง เพราะจะทำให้ มีส่วนช่วย ในเรื่องสุขภาพ ผิวหน้าให้มีสุขภาพ ที่ดีขึ้น

4. การเลเซอร์


ปัจจุบัน เป็นที่รู้จัก และ นิยม กันอย่างแพร่หลาย ในการทำเลเซอร์ เพื่อการกระชับรูขุมขน แต่ถึงยังไง ก็ไม่ได้ทำเป็นแบบถาวร ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซ้ำๆ แต่วิธีนี้ ก็ถือว่าเป็นการทำ ให้รูขุมขนกระชับ ได้ดีเลยทีเดียว ( การทำเลเซอร์ เพื่อกระชับรูขุมขน ควรปรึกษา และ ใช้บริการ กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น )

5. การทำ IPL


การทำให้ รูขุมขนกระชัย ด้วยวิธีทำ IPL นี้ จะช่วยให้รูขุมขนกระชับ ได้เพียงระยะเวลาหนึ่ง ไม่ได้เป็นแบบถาวร การทำ IPL เป็นการส่งความร้อน ไปใต้ผิวหนัง เพื่อทำให้รูขุมขน มีขนาดที่ เล็กลงเท่านั้น ไม่ได้ทำให้ รูขุมขนเรียบเนียนสนิทได้ และ การทำ IPL นี้ ยังช่วยในเรื่องของ ริ้วรอย ได้อีกด้วย ( การทำ IPL เพื่อกระชับรูขุมขน ควรปรึกษา และ ใช้บริการ กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น )


" หากใครที่ต้องการ มีผิวหน้าที่เนียนเรียบ รูขุมขนเล็ก กระชับ ลองนำวิธี ที่เราแนะนำ เป็นตัวเลือก ในการทำให้รูขุมขนของคุณ เล็กและกระชับ ลงได้ค่ะ "

ตา วิธีรักษาใต้ตาคล้ำ ป้องกันการเกิดรอยหมองคล้ำใต้ตา

ตา

รอยหมองคล้ำใต้ตา เกิดจากสาเหตุ หลายประการ ด้วยกัน สามารถเกิดขึ้นได้ กับทุกเพศ ทุกวัย อย่าหลงเข้าใจผิดว่า รอยหมองคล้ำใต้ตา จะเกิดกับผู้ที่มี อายุมากเท่านั้น ส่วนใครที่ได้ มีพบเจอกับ ปัญหารอยหมองคล้ำใต้ตา ก็คงจะรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะรอยหมอคล้ำใต้ตา ทำให้ใบหน้า ดูเศร้าหมอง ไม่สดใส เอาซะเลย เป็นปัญหารบกวน กับใครหลายคน เหมือนกัน

รอยคล้ำใต้ตา มักมีสาเหตุมาจาก การนอนดึก นอนหลับไม่เพียงพอ หรือ อาจเกิดจากพันธุกรรม แต่สำหรับบางคน อาจเป็นเพราะ มีโรคประจำตัว 

เช่น มักพบรอยคล้ำใต้ตา กับผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ แต่ถ้าหากใคร ที่กลัวเกิด รอยหมองคล้ำใต้ตา เกิดขึ้นกับตัวเอง ควรหาวิธีป้องกัน มากกว่า วิธีแก้ไข จะดีกว่า ส่วนวิธีที่จะช่วย ป้องกัน ไม่ให้เกิดรอยหมองคล้ำใต้ตา ก็ยังพอมีวิธี ที่เราสามารถทำได้อย่างง่ายๆ ลองมาดูกันเลย ว่ามีวิธีอะไรกันบ้าง


พักผ่อนให้เพียงพอ


เพราะ ดวงตา ของเรา ถูกใช้งานมาทั้งวันแล้ว ทำให้ดวงตาล้า หรือ มีอาการเกร็งของดวงตา ฉะนั้น การนอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ ให้ได้ประมาณ 6-8 ชั่วโมง จึงจะดีที่สุด เพราะ เวลาเรานอน ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้พักผ่อน และ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ จึงมีส่วน ทำให้ไม่เกิดรอยหมองคล้ำใต้ตา ได้

ทาครีมบำรุง


การบำรุงผิว ใต้ดวงตา ถือเป็นเรื่องที่ ควรใส่ใจ เพราะผิวใต้ดวงตา เป็นผิวที่ต้อง ได้รับการดูแลอย่างอ่อนโยน คุณควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่มีวิตามินช่วย บำรุงผิวรอบดวงตา เพื่อป้องการการ เกิดรอยหมองคล้ำใต้ตา ได้

บำรุงด้วยผักสวนครัว


ผักสวนครัว ที่เรารับประทานกัน จริงๆแล้ว ให้ประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะกับดวงตา โดยเรา นำแตงกวา หรือ มะเขือเทศ แช่เย็น แล้วนำมาฝาน เป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาแปะ วางไว้ที่ดวงตาทั้ง 2 ข้าง เพราะ แตงกวา และ มะเขือเทศ มีวิตามิน ที่ช่วยให้ดวงตา สดชื่น และ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี จึงสามารถป้องกัน การเกิดรอยหมองคล้ำใต้ตาได้ดี

นวดใต้ตา


การนวด เพื่อทำให้เลือดใต้ตา ไหลเวียนได้ดี เพื่อป้องกันการเกิด รอยหมองคล้ำใต้ตา โดยให้เรานวดเบาๆ ที่ใต้ตาด้านล่าง อาทิตย์ 2-3 ครั้ง


ออกกำลังกาย

แน่นอนว่า การออกกำลังกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง ทำให้ร่างกาย ทุกส่วน ได้รับผลดี เพราะการออกกำลังกาย ทำให้เลือดไหลเวียน ไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดี นั่นก็รวมถึง ดวงตา และ ผิวใต้ดวงตาด้วย ที่จะได้รับผลพลอยได้ จากการออกกำลังกาย จึงมีส่วนช่วยทำให้ ผิวใต้ดวงตาไม่หมองคล้ำ ทำให้สดใส เปล่งปลั่ง มากขึ้นกว่าเดิม


" วิธีการลด หรือ ป้องกัน การเกิดรอยหมองคล้ำ ผิวใต้ดวงตา ที่เราแนะนำมา ใครก็สามารถ ทำได้ด้วยตัวเอง ลองนำไปปฏิบัติ กันดู รับรองได้ผล อย่างแน่นอนค่ะ "


เสริมจมูก ผลข้างเคียง ที่ควรรู้ก่อนศัลยกรรมจมูก


เสริมจมูก


การศัลยกรรม ทางด้านจมูก หรือ ที่เรียกกันคุ้นหู คือการเสริมจมูก ปัจจุบันได้รับความสนใจ เป็นอย่างมาก ทางด้านความงาม ถือได้ว่า การเสริมจมูกเป็นเรื่องที่ปกติกันไปแล้ว เพราะเดี่ยวนี้ ใครต่อใคร ก็สามารถทำศัลยกรรม เกี่ยวกับจมูก ได้อย่างง่าย เพราะราคาไม่สูงมาก 

และ มีสถานที่ให้บริการ ทางด้านศัลยกรรมจมูก อยู่มากมาย จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ใครจะมี จมูกที่สวย เข้ากับรูปหน้า ทำให้ดูดีขึ้น แต่แน่นอนว่า อะไรที่ไม่ได้มีมา ตั้งแต่แรก ตามธรรมชาติ การนำสิ่งของแปลกปลอม เข้าไปสู่ร่างกายนั้น ย่อมอาจได้รับผลข้างเคียง 

หรือ อันตรายได้ ถ้าหากไม่ดูแลเป็นอย่างดี อาจมีบางเหตุการ เกิดขึ้นกับเฉพาะ บางคน ก็เป็นได้ อันตรายที่มักเกิดขึ้นหลัง จากการทำศัลยกรรม ทางด้านจมูก ที่คุณอาจมีความเสี่ยงพบเจอได้

ไม่เป็นไปตามคาดหวัง


อาจเกิดขึ้น กับเฉพาะ คนบางกลุ่มเท่านั้น ที่ก่อนทำศัลยกรรม คาดหวังไว้เป็นอีกแบบ แต่พอหลังจาก ที่ทำเสร็จแล้ว กลับพบว่า ไม่เป็นไปตามคาดหวัง ในเรื่องของรูปทรงที่ออกมา อาจจะทำให้จมูกเบี้ยว ซึ่งนั่นก็อาจจะเกิดจาก แท่งซิลิโคนที่ไม่เข้ากับรูปหน้า หรือ รูปหน้าของคุณ ที่อาจไม่เท่ากันตั้งแต่แรก พอใส่แท่งซิลิโคน เข้าไป จึงทำให้เห็นเด่นชัดขึ้น ดูเหมือนว่าจมูกเบี้ยว ที่จริงแล้ว อาจเป็นเพราะรูปหน้า ที่ใบหน้าทั้ง 2 ซีก ไม่เท่ากันอยู่แล้วตั้งแต่แรก

เกิดอาการอักเสบ


อาจเกิดจาก การดูแลรักษาที่อาจไม่ถูกต้อง หลังทำการผ่าตัด ไม่ดี อาจได้รับการติดเชื้อ มีอาการบวมแดง หรือ อาจเกิดจากผู้ทำการศัลยกรรมจมูก ไม่มีความเชี่ยวชาญ ที่มากพอ

เกิดการทะลุ


เหตุการแบบนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณ เพราะถ้าหากคุณเลือกใช้ซิลิโคน ที่ไม่เหมาะกับคุณเอง ก็อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้ เนื่องจากปลายจมูก ของคนเรา มีความหนา บาง ไม่เท่ากัน ฉะนั้น คนที่มีเนื้อจมูกบาง อาจได้รับความเสี่ยง จากการเกิดที่เรียกว่า จมูกทะลุ ได้

เกิดการติดเชื้อทางเดินหายใจ


หากการดูแลรักษา หลังผ่าตัดไม่ดีเท่าที่ควร อาจส่งผลระยะยาว อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ทางเดินหายใจได้ และผลตามมา อาจทำให้จมูกเน่า เป็นหนอง ก็อาจเป็นได้

อาจเป็นอัมพาตได้


การเป็นอัมพาต เพราะการเสริมจมูก อาจเกิดขึ้นได้ยากมาก แต่สำหรับผู้ที่อาจพบเหตุการนี้ นั่นอาจเป็นเพราะ แพ้ยาสลบ และ อาจได้รับการติดเชื้อ จากใบหน้า เข้าไปสู่สมอง จึงมีความเสี่ยงต่อการเป็นอัมพาตได้



" ก่อนเสริมจมูก ควรศึกษาข้อมูล ก่อนทำ และ หลังทำ มาเป็นอย่างดีก่อน ควรปรึกษา และ ใช้บริการ กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น "

bigeyes คอนแทคเลนส์ อันตรายจากคอนแทคเลนส์ ภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม


bigeyes


คอนแทคเลนส์ เป็นวัสดุที่มาแรง และ มาแทนที่แว่นสายตา ที่นิยมกันมาก เพราะสามารถหาซื้อได้ง่าย ราคาก็มีตั้งแต่ ราคาไม่สูงมาก ไปจนถึงราคาสูง แล้วแต่ผู้บริโภค จะต้องการใช้แบบไหน ชนิด ยี่ห้อ ไหน มากกว่า ในปัจจุบัน ไม่ว่าใครก็รู้จักคอนแทคเลนส์ บ้างก็ใส่เพื่อความสวยงาม บางรายใส่เพราะ มีปัญหาทางด้านสายตา หรือ อาจใส่เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ

แม้แต่เด็กวัยเรียน ที่มีปัญญหาทางด้านสายตา ก็ยังนิยมใส่คอนแทคเลนส์ แทนการใส่แว่นสายตา เพราะการใส่แว่นตา ทำให้ไม่สะดวก ทำให้หน้าเป็นรอย และ ทำให้สวย ดูดี แม้ว่าคอนแทคเลนส์ จะได้รับความนิยม กันอย่างแพร่หลาย มีให้เลือกใส่หลายชนิด ตามความเหมาะสม และ ตามความต้องการ ของผู้บริโภค

ไม่ว่าจะเป็น คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง ที่ทำให้ออกซิเจนผ่านได้ยาก หรือ จะเป็นคอนแทคเลน์ชนิดนิ่ม ที่ทำให้ออกซิเจน ผ่านได้ง่ายกว่า ชนิดแบบแข็ง  สำหรับผู้ที่ใช้มักได้รับ ความสะดวกสบาย มากกว่า การใส่แว่นสายตา แต่ถึงอย่างไร การใส่คอนแทคเลนส์ เป็นระยะเวลานานๆ ติดต่อกัน ก็อาจเกิดผลข้างเคียง และ อันตรายจากคอนแทคเลนส์ ได้ เช่นกัน


เยื่อบุตาอักเสบ


การใส่ คอนแทคเลนส์ เป็นระยะเวลานานๆ ติดต่อกัน อาจทำให้ เยื่อบุตาเกิดอาการอักเสบได้ อาจเนื่องมาจาก การแพ้สารบางชนิด ที่มีอยู่ในคอนแทคเลนส์

เกิดการระคายเคือง


หากการใส่คอนแทคเลนส์ เป็นระยะเวลานาน จะทำให้รู้สึก ระคายเคืองดวงตาได้ เนื่องจาก การใส่คอนแทคเลนส์ ทำให้ออกซิเจน ผ่านเข้าไปถึง กระจกตา ได้ไม่เต็มที่ อาจทำให้มีการเคืองตา ทำให้เกิด ตาแดง และ อาจเกิดอาการเจ็บตา ได้

การติดเชื้อ


การเกิดการติดเชื้อ ในดวงตาจากการ ใส่คอนแทคเลนส์นั้น มักพบ หรือเจอกับผู้ที่ ดูแล รักษา ทำความสะอาด ได้ไม่ดี เท่าที่ควร จึงเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดการติดเชื้อ จาก แบคทีเรีย ได้ง่าย ซึ่ง การติดเชื้อในดวงตา ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ และ อันตราย อย่างมาก ต่อดวงตา ของคุณ

กระจกตาเป็นรอย


การใส่คอนแทคเลนส์ แน่นอนว่า เป็นการนำ วัสดุแปลกปลอม เข้าไปอยู่ในดวงตา จึงทำให้ขณะใส่ อาจทำให้คอนแทคเลนส์ เกิดการกดทับ หรือย่น จึงอาจทำให้กระจกตา  เกิดเป็นรอยได้


" การเลือกซื้อ คอนแทคเลนส์ จึงจำเป็นอย่างมาก ในการเลือกซื้อ ควรเลือกซื้อ คอนแทคเลนส์ ที่มีใบอนุญาตรับรอง และ ก่อนซื้อ ควรปรึกษา และ ซื้อกับผู้เชี่ยวชาญ เท่านั้น และ ควรศึกษาวิธีการใช้ วิธีรักษาดูแล ให้ละเอียดก่อน ทำการใช้คอนแทคเลนส์ "

( การดูแล บำรุง รักษา ดวงตา จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะดวงตาเป็นอวัยวะ ที่สำคัญที่สุด อย่างหนึ่งของคุณ สามารถศึกษารายละเอียด วิธีถนอมดวงตา ได้ที่นี่ )

รักแร้ขาว วิธีทำให้รักแร้ขาว 5 สูตรแก้รักแร้ดําด้วยวิธีธรรมชาติ


รักแร้ขาว


          รักแร้ดำ ปัญหากวนใจของสาวๆ ทำให้ไม่มั่นใจเวลาต้องใส่เสื้อกล้าม หรือต้องโชว์ใต้วงแขน แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี รู้หรือไม่ว่าการที่คุณ ดูแลผิวใต้วงแขนไม่ดีเท่าที่ควร 

เป็นสาเหตุของรักแร้ดำ เพราะผิวใต้วงแขนเป็นผิวที่บอบบางมาก คุณควรดูแลอย่างอ่อนโยน อย่าใช้ความรุนแรง ในการทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นการขัดถู อย่าทำด้วยความรุนแรง โดยเด็ดขาด

สำหรับใครหลายคนมักมีคำถามว่า? แล้ววิธีกำจัดขนใต้วงแขน จะทำด้วยวิธีไหนดีที่จะไม่ส่งผลทำให้ ผิวใต้วงแขนมีรอยดำ ซึ่โดยทั่วไปแล้ว การกำจัดขนรักแร้ มักจะทำด้วยวิธีการโกน 

หรือ การถอน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การกำจัดขนรักแร้ ด้วยวิธีการโกนนั้น มีความเสี่ยงทำให้ผิวใต้วงแขนเกิดรอยดำ มากกว่าวิธีการถอน

เพราะการโกนขนรักแร้ ขณะโกน วัตถุที่เราใช้โกน จะสัมผัสกับผิวใต้วงแขน อันบอบบางของคุณ จะทำให้เซลล์ผิวใต้วงแขนของคุณถูกทำลายลง 

หรือ อาจจะทำให้เกิดแผล แล้วเกิดการอักเสบขึ้นได้ และถ้าหากทำเป็นประจำบ่อยๆ ผลที่ตามมาก็คือผิวใต้วงแขนที่ดำ เพราะเซลล์ผิวถูกทำลาย และ ได้รับการเสียดสีกับวัตถุบ่อย


          ทางเลือกที่ดีที่สุดของการกำจัดขนรักแร้ และ ไม่ทำให้ผิวใต้วงแขนเกิดรอยดำ ควรใช้วิธีถอนขนรักแร้ จะดีกว่าการวิธีการโกน 

แต่ว่าสาเหตุที่ทำให้ผิวใต้วงแขนดำนั้น ไม่ได้มาจากแค่การกำจัดขน ด้วยการโกนเท่านั้น เหงื่อของเราเองก็เป็นสาเหตุหนึ่ง

คุณควร ทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะใต้วงแขน ให้สะอาดอยู่เสมอ ยิ่งถ้าหากมีเหงื่อออกมากๆ แล้ว รวมกับโรออน ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์ 

ที่เราทาไว้แล้วละก็ ยิ่งทำให้ผิวบริเวณใต้วงแขน ยิ่งดำมากกว่าเดิม ดังนั้น เราควรใช้โรออนที่ไม่มี ส่วนผสมของแอลกอฮอร์ หรือ ใช้สารส้มแทน ก็จะช่วยไม่ให้รักแร้คุณดำได้

แต่สาเหตุอีกอย่างหนึ่ง ที่จะรักษาให้ผิวใต้วงแขนไม่ให้ดำ ด้วยวิธีธรรมชาติที่ยาก ก็คงเป็นเพราะ กรรมพันธุ์  การจะรักษาผิวใต้วงแขนให้ขาว ที่มาจากสาเหตุเพราะกรรมพันธุ์ ก็สามารถรักษาได้ 

อาจใช้วิธีการเลเซอร์ จึงจะช่วยได้ แต่ก็ต้องปรึกษา และทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
สำหรับใครที่ต้องการ อยากจะมีใต้วงแขนขาว เรียบเนียน ใส 

เพื่อคุณจะได้โชว์ผิวใต้วงแขนได้อย่าง มั่นใจ ไม่ว่าจะใส่ชุดไหน ก็ไม่ต้องกังวล สามารถโชว์ได้อย่างเต็มที่ วันนี้เรามีสูตรธรรมชาติ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวใต้วงแขน ที่บอบบาง มากำจัดให้ผิวดำใต้วงแขนหายไป มาฝากกันค่ะ


สูตรทำให้ผิวใต้วงแขน/รักแร้ขาว มีด้วยกันทั้งหมด 5 สูตร


เลือกสูตร

1. สูตร ผิวขาวเนียนใส = มะนาว+น้ำผึ้ง+ขมิ้น
2. สูตร ผิวเนียนใส = มะขามเปียก+น้ำผึ้ง+แอปเปิ้ล
3. สูตร ผิวขาวเนียน = มันฝรั่ง+น้ำผึ้ง+แตงกวา
4. สูตร ผัดเซลล์ผิว = แครอท+มะนาว+มะขามเปียก
5. สูตร ผิวขาวเรียบเนียน = แอปเปิ้ล+ขมิ้น+น้ำมันมะพร้าว

สิ่งที่ต้องเตรียม

1. เครื่องปั่น
2. ผัก/ผลไม้ ตามสูตรที่เลือก 1-5
3. ผ้าขาวบาง ( สำหรับไว้กรอง )
4. ภาชนะใส่

วิธีทำ

1. เตรียม ผัก หรือ ผลไม้ ที่คุณมีอยู่ ตามสูตรที่คุณเลือกไว้ ( สูตร 1-5 )
2. แล้วนำทุกอย่างตามสูตร 1-5 ที่คุณเลือกมารวมผสม ปั่นทุกอย่างให้เข้ากันอย่างละเอียด
3. แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อกรองเอาเฉพาะน้ำ
4. พอเสร็จแล้ว ก็ทำความสะอาดรักแร้ของคุณ ให้เรียบร้อย แล้วเช็ดให้แห้ง
5. แล้วนำสิ่งที่คุณทำไว้ตามสูตร มาทาบริเวณรักแร้ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที
6. หลังจากนั้น ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำอย่างนี้เป็นประจำ

( แนะนำให้ทำอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยทำให้ผิวใต้วงแขนของคุณ กลับมาขาวใส เรียบเนียนขึ้น ได้โดยไม่อันตราย )


สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ( เพื่อไม่ให้ผิวใต้วงแขนดำ )


1. ขัดผิวใต้วงแขนรุนแรง เพราะผิวใต้วงแขน เป็นผิวที่มีความบอบบางมาก จึงไม่ควรใช้วิธีขัด ที่มีความรุนแรง ควรขัดเบาๆ ด้วยความอ่อนโยน

2. ใช้เกลือขัดผิว เพราะเกลือมีความเค็ม หากใช้เกลือขัดผิวใต้วงแขน อาจจะทำให้เซลล์ผิวถูกทำลายลง และนั้นก็เป็นสาเหตุของ รักแร้ดำ

3. โรลออนที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์ เพราะแฮลกอฮอร์ มีส่วนทำให้ ผิวใต้วงแขนคล้ำ ดำ ได้

4. โกนขนรักแร้ หากต้องการกำจัดขนรักแร้ ไม่ควรใช้วิธีโกน ควรใช้วิธีกำจัดแบบอื่น เช่น การถอน จึงจะดีกว่า เพราะการโกนจะทำให้เซลล์ผิวถูกทำลายลง ทำให้ผิวใต้วงแขนเกิดการเสียดสี ขณะกำลังโกน ซึ่งเป็น     สาเหตุของผิวใต้วงแขนดำ นั่นเอง

5. การแว็กซ์ขนรักแร้ การใช้สารเคมีเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างมาก เพราะยิ่งจะทำให้ ผิวใต้วงแขนยิ่งคล้ำ ดำ มากกว่าเดิม


" สูตรธรรมชาติ ที่ไม่อันตราย ด้วยผัก/ผลไม้ ที่หาง่ายที่มีอยู่ที่บ้านคุณ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผิวใต้วงแขนของคุณ ขาว ใส เรียบเนียน ได้โดยที่คุณก็สามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน "