วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ส้นเท้าแตก เกิดจากอะไร? 6 วิธีรักษาส้นเท้าแตกที่ง่ายสุดๆ

ส้นเท้าแตก


เท้าเป็นอวัยวะที่ถูกใช้งาน ทุกวันทุกเวลา และยังต้องรับน้ำหนักตัว ทั้งหมดของร่างกาย แน่นอนว่าเท้ามักต้อง เผชิญกับเชื้อแบคทีเรีย เชื้อโรค เชื้อรา ได้ง่าย ยิ่งถ้าหากเท้าที่มีสุขภาพไม่ค่อยดี หรือ ผิวหนังบริเวณเท้า หรือ ส้นเท้า ที่แตกสะสมมาเป็นเวลานาน ก็จะยิ่งทำให้ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อโรค หลากหลายชนิด ที่สามารถมองเห็นได้ และมองไม่เห็น เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย มากยิ่งขึ้น
การป้องกัน และการรักษาสุขภาพ ของเท้าที่ดีที่สุด คือ การสวมใส่รองเท้า ที่ถูกต้องและเหมาะสม ต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ของแต่ละคน เพราะทุกคนควรเลือกใส่รองเท้า เพื่อป้องกันสุขภาพของเท้า ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ หรือ การทำงานของตนเอง เช่น คนสวน ก็ไม่ควรสวมใส่รองเท้า ที่เปิดส้น ควรสวมใส่รองเท้าที่สามารถ หุ้มเท้าได้ทุกส่วน เช่น รองเท้าบูท
แต่บางครั้งถึงแม้ว่า เท้าจะถูกห่อหุ้มด้วยรองเท้า ที่คิดว่าปลอดภัยแล้ว แต่ว่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อโรค ก็ยังสามารถเข้าสู่ร่างกาย โดยผ่านทางเท้าได้อยู่ดี ถ้าหากว่าเท้าของคุณ มีรอยแตกเป็นร่องลึก เพราะการสวมรองเท้า ก็ไม่ได้หมายความว่า รองเท้าจะสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์
การมีเท้าที่มีสุขภาพดี ไม่แห้ง หรือ แตก โดยเฉพาะส้นเท้า จะเป็นสิ่งที่ดี ที่จะสามารถช่วยป้องกัน เชื้อโรคต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่ร่างกาย ได้ดีที่สุด ดังนั้นจึงเป็นส่ิงที่สำคัญ และจำเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณจะต้องป้องกัน และรักษา เท้าให้มีสุขภาพที่ดี ไม่มีปัญหาเรื่องเท้าแตก หรือ ส้นเท้าแตก

เท้าแตก ส้นเท้าแตกเกิดจากอะไร ?

1. เกิดจากพันธุกรรม

เพราะถ้าหากพบว่า พ่อ แม่ หรือ ญาติพี่น้องของคุณ มีปัญญหาเรื่องของเท้าแตก ส้นเท้าแตก และมีผิวเท้าที่แห้งกร้าน แน่นอนว่าคุณอาจจะต้อง ประสบพบเจอกับปัญหานี้ อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถป้องกันได้  แต่ก็สามารถรักษาได้

2. ไม่สวมรองเท้า

สำหรับผู้ที่ชอบเดินเท้าเปล่า โดยไม่ชอบสวมรองเท้า ไม่ว่าจะเดินบนพื้นในบ้าน หรือ พื้นดิน ก็เป็นสาเหตุหลัก ที่สามารถทำให้เท้า และส้นเท้า เกิดแตกได้ง่าย ฉะนั้นควรใส่รองเท้า หรือ ถุงเท้า เป็นประจำ จะช่วยป้องกันผิวของเท้า กระทบหรือเสียดสี กับพื้นที่แข็ง และมีเชื้อโรค หรือ เชื้อราได้

3. มีน้ำหนักตัวมาก

ส่วนใหญ่มักพบว่า ผู้ที่มีรูปร่างใหญ่ หรือ มีลักษณะ อ้วน มักจะมีสุขภาพของเท้า ที่ไม่ค่อยดี เพราะทำให้เท้า รับน้ำหนักตัวที่มากเกินไป จึงทำให้มีโอกาสที่เท้า และส้นเท้า จะแตกได้ง่ายกว่า สิ่งที่ดีที่สุด คือ การรักษาน้ำหนักตัว ให้มีความสมดุลกัน

4. มีโรคประจำตัว

การมีโรคประตัวบางชนิด อาจส่งผลต่อกระทบ ต่อสุขภาพของผิวกาย และผิวเท้า ที่อาจทำให้ผิวเท้า แห้งกร้าน ไม่มีความชุ่มชื้น แตกได้ง่าย เช่น ผู้ที่ป่วยเป็น โรคเบาหวาน ฯลฯ มักมีโอกาส และเสี่ยงที่จะพบกับปัญหา เท้าแตก และส้นเท้าแตก ได้สูง

5. ผู้ที่มีอายุมาก

มักสังเกตุเห็นได้ชัดว่า สำหรับผู้สูงอายุ หรือ ผู้ที่มีอายุมากแล้ว มักจะมีผิวเท้า ที่แห้งกร้าน มีรอยแตกบริเวณเท้ามากกว่า ผู้ที่ยังมีอายุน้อย เนื่องจากสภาพของร่างกาย ที่เสื่อมลงไปตามอายุ จึงทำให้มีโอกาส การมีผิวเท้าที่แตก และ ส้นเท้าแตก ได้ง่าย

วิธีป้องกันและรักษาเท้าแตก / ส้นเท้าแตก

1. การทำความสะอาดเท้า

การดูแลรักษาเท้า โดยการล้างเท้าด้วยน้ำเปล่า ที่มีอุณหภูมิปกติ และขัดเท้า ขัดส้นเท้าให้สะอาด เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน จะช่วยทำให้ผิวเท้า ได้ผลัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว และเชื้อโรค หรือ เชื้อแบคทีเรีย ต่างๆ ที่เป็นสาเหตุทำให้เท้าแตก และ ส้นเท้าแตก ให้หลุดออกไป

2. การนวดเท้า

รู้หรือไม่ว่า การนวดเท้าเป็นประจำ ประมาณ 3 - 4 ครั้งต่ออาทิตย์ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดี และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย จึงสามารถช่วยป้องกัน และรักษาผิวเท้า และส้นเท้า ไม่ให้แตก แห้งกร้านได้ดี

3. การแช่เท้า

สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา ในการขัดเท้า หรือ ทำความสะอาดเท้า ด้วยวิธีอื่นๆ เนื่องจากอาจจะไม่มีเวลา และอาจทำให้ยุ่งยาก ควรใช้วิธีการแช่เท้า ในน้ำอุ่น จะช่วยให้เท้ารู้สึกผ่อนคลาย ทำให้เลือดไหลเวียนดี และยังช่วยให้แซล์ผิวที่ตายแล้ว หลุดออกไป จึงช่วยทำให้ผิวของเท้า มีสุขภาพที่ดี ไม่แห้งกร้าน แตกได้

4. ครีมบำรุงผิวเท้า

การบำรุงผิวเท้า ด้วยการทาครีมบำรุงผิวเท้า หรือ ครีมบำรุงผิวธรรมดา เป็นประจำทุกวัน หลังจากการอาบน้ำทุกครั้ง อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งต่อวัน จะช่วยทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น จะช่วยป้องกัน และรักษาไม่ทำให้ผิวเท้า และส้นเท้า แห้ง และแตกได้

5. การใช้กล้วยหอม

กล้วยหอม เป็นผลไม้ที่มากไปด้วยคุณค่า ทางสารอาหารที่มีประโยชน์ ต่อสุขภาพร่างกาย และยังช่วยในการ ป้องกัน และ รักษาผิวของเท้า และส้นเท้าได้ดี โดยการนำผลของกล้วยหอม มาบดให้ละเอียด แล้วใช้พอกบริเวณเท้า หรือ ส้นเท้าทิ้งไว้ ประมาณ 15 - 20 นาที เป็นประจำ จะช่วยทำให้ผิวเท้านุ่ม ชุ่มชื่น ไม่แห้งแตกได้ง่าย

6. การใช้ยางของมะละกอ

การนำยางสีขาว ของผล มะละกอ มาทาผิวบริเวณเท้า ที่มีรอยแตก หรือ แห้งกร้าน เป็นประจำ จะสามารถช่วยป้องกัน และรักษาผิวเท้า ผิวส้นเท้า ที่แตกเป็นร่อง หลุมลึก ได้ดี
" เพราะเท้าเป็นอวัยวะ ที่สำคัญของร่างกาย การทำให้สุขภาพของเท้า และผิวของเท้า ให้มีสุขภาพที่ดี ไม่แตก แห้งกร้าน จึงเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ และไม่ควรละเลย เพราะถ้าหากคุณมีผิวเท้า ที่แตกเป็นร่องลึก ก็จะทำให้มีปัญหา ตามมาหลายอย่าง เช่น ทำให้ไม่มีความมั่นใจ หากต้องใส่รองเท้า ที่เปิดโชว์เท้า หรือ ส้นเท้า และ ทำให้สามารถติดเชื้อ ที่เป็นสาเหตุของโรคบางชนิดได้ "

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น